รถเข็นเด็กคือหนึ่งในของใช้จำเป็นที่พ่อแม่หลาย ๆ คนมักจะเล็งไว้ รถเข็นเป็นตัวช่วยจำเป็นที่จะช่วยผ่อนแรงคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะไปเดินซื้อของ ไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย เปรียบเสมือนอาวุธคู่กายที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก การอุ้มลูกไว้ตลอดเวลาส่งผลเสียในด้านสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน ไม่ว่าจะมีอาการปวดแขน ปวดคอ ปวดหลัง ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับรถเข็นเด็กให้มากขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ
รถเข็นตามท้องตลาดสามารถแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 4 แบบ
- Carriage เป็นรถเข็นที่สามารถปรับได้แบบ 180 องศาเลย นั่นคือให้ลูกสามารถนอนราบได้ เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี
- Stroller เป็นรถเข็นที่ให้เด็กนั่ง หรือนอนแบบเอียง ๆ ไม่สามารถนอนแบบราบได้ 180 องศา รถเข็นประเภทนี้เอนได้มากที่สุด 150 องศา
- Jogging Stroller เป็นรถเข็นสำหรับคุณแม่รักสุขภาพ ใครที่เป็นสาย Jogging ในสวนสาธารณะ ต้องมีตัวนี้เลย สามารถปรับความเร็วให้เทียบเท่าการวิ่งได้
- Car seat รถเข็นชนิดที่สามารถดัดแปลงเป็นคาร์ซีทได้ เรียกได้ว่าซื้อแบบ 1 ได้ถึง 2
พอเรารู้แล้วว่ารถเข็นเด็กมีกี่แบบ เราก็มาดูเรื่องวิธีการเลือกกันว่าควรเลือกแบบไหน
- เลือกโดยคำนึงถึงความปลอดภัย
สภาพรถเข็นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม แข็งแรง ไม่มีการชำรุดใด ๆ ที่สำคัญต้องไม่มีรูให้เด้กแหย่เล่นเด็ดขาด
- ต้องมีระบบล็อคที่ดี
ต้องมีจุดล็อคในที่ที่จะต้องมี เช่น ที่ล็อกเอว ที่ล็อกระหว่างขากับไหล่ ซึ่งต้องล็อกแล้วแน่น ไม่หลุดง่าย แต่ไม่ใช่ว่าแน่นเกิน เดี๋ยวลูกหายใจไม่ออก
- ระบบเบรกต้องดี
รถเข็นที่ดีต้องมีระบบเบรกและล็อกล้อที่ดี โดยอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ก่อนซื้อเราควรมีการทดสอบว่าเบรกในทางตรงดีหรือไม่ สามารถเบรกในทางลาดเอียงได้หรือไม่
- ความสูงของที่จับต้องพอดี
บางรถเข็นถูกออกแบบมาให้มีที่จับสูงเกิน ซึ่งข้อนี้สร้างความลำบากให้เรา เนื่องจากเราต้องเป็นคนเข็นลูก ต้องเลือกรถเข็นที่เราสามารถเข็นได้นาน ๆ สามารถปรับได้
- ขนาดตัวเด็กต้องพอดี
ขนาดตัวเด็กต้องโอเคกับขนาดรถเข็น ซึ่งก่อนซื้อพาลูกไปด้วย พาไปลอง เพื่อป้องกันความผิดพลาด บ่อยครั้งที่พ่อแม่ซื้อรถเข็นมาก่อน แล้วปรากฏว่าเล็กเกิน ลูกนอนลำบาก ไม่สบายตัว
- วัสดุต้องดี
วัสดุต้องทนทาน สามารถทนอยู่ได้นาน และที่สำคัญคือทำความสะอาดง่าย พับเก็บได้ง่าย ทางออกสะดวก ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ผ้าข้างในสามารถระบายความร้อนได้หรือไม่