อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเชื้อโควิด-19 จะมีระยะฟักตัวในคนประมาณ 2-14 วัน และผู้ติดเชื้อก็สามารถมารถแพร่เชื้อด้วยการไอหรือจามโดยสามารถลอยอยู่บนอากาศได้นานถึง 3 ชม. หากไปเกาะอยู่กับวัสดุอื่น ๆ เช่น ทองแดงก็จะมีอายุนาน 4 ชม. หากติดอยู่บนพลาสติกหรือสเตนเลสก็อาจจะมีอายุยาวนานถึง 3 วันเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีป้องกันเชื้อโรคในที่พักอาศัย หรือที่ทำงาน หรือร้านค้าต่าง ๆ ก็ควรจะหมั่นทำความสะอาดด้วยการพ่นยาโควิดนั่นเอง ซึ่งหากเป็นพื้นที่ที่ไม่กว้างมากก็สามารถฉีดพ่นได้เอง
การพ่นยาฆ่าเชื้อเอง
การพ่นยาฆ่าเชื้อด้วยตัวเองนั้นก็สามารถหาส่วนผมได้ง่าย ๆ ซึ่งมีขายทั่วไปในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาฆ่าเชื้อ, น้ำยาซักผ้าขาว และแอลกอฮอล์ ซึ่งก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี
แต่หากใครไม่อยากจะวุ่นวายในการผสมน้ำพ่นยาโควิดเองก็สามารถเลือกซื้อน้ำยาที่มีขายก็ได้เช่นกันโดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium hypochlorite, Benzalkonium chloride, . Isopropyl alcohol, Ethyl alcohol, Chloroxyleno แต่ก่อนใช้ก็ต้องควรระวังเช่นกันเพราะบางผลิตภัณฑ์ มีความเข้มข้นของสารเคมีที่สูง และควรจะทำตามวิธีใช้ที่ถูกระบุไว้บนฉลาก อย่างการผสมกับน้ำเปล่าเพื่อลดความเข้มข้น และเพิ่มปริมาณ
อุปกรณ์สำหรับการพ่นยาฆ่าเชื้อ
1.น้ำยาฆ่าเชื้อ แบบสำเร็จ หรือผสมเอง
2. น้ำ เพื่อนำมาผสมกับน้ำยาฆ่าเชื้อ
3. อุปกรณ์ทำความสะอาดเช่น ผ้า, เครื่องฉีดพ่นยา และไม้ถูพื้น
4. ชุดสำหรับใส่พ่นยา เช่นชุดกันฝน หรือเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงมือยาง แว่นตา หน้ากากอนามัย และหมวก
5. พลาสติกแรปอาหารเอาไว้คุมภาชนะใส่อาหาร หรืออาหาร ของเล่นเด็ก หรืออะไรที่ไวต่อความชื้น
จุดที่ควรจะเน้นในการเช็ด หรือพ่นยาโควิด ก็คือจุดที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ อย่างลูกบิดประตู โต๊ะ-เก้าอี้ กระเป๋า เป็นต้น และควรทำความสะอาดเป็นประจำ เพราะอาจจะมีเชื้อโรคติดตัวตอนที่เราออกจากบ้าน ไปทำธุระหรือทำงานข้างนอก
ในส่วนของเสื้อผ้าที่ใส่อกไปข้างนอกก็ควรจะนำไปแยกไว้ขางนอกนอกบ้าน และแยกซัก เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้ามาภายในบ้าน
ในการทำความสะอาดมือถือ ที่ถือว่าเราสัมผัสบ่อยที่สุด ก็ควรใช้ผ้าชุดน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วบิดให้หมาด ๆ จนเกือบแห้ง แล้วจึงนำไปเข็ดโทรศัพท์ ไม่แนะนำให้ชุบน้ำยาจนเปียกจนเกินไป หรือใช้วิธีพ่น เพราะจะทำให้มือถือเสียได้
นี่ก็คือการผสมน้ำยา และพ่นยาโควิดด้วยตัวเองที่สามารถทำเองได้ แต่สิ่งสำคัญควรจะทำด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพ และทรัพย์สินอื่นได้ เช่นกัน หากไม่มั่นใจควรจะศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน หรือปรึกษาผู้รู้จะดีกว่า